Tuesday, September 24, 2024

งานเขียน บทที่ 1

 การออกแบบกิจกรรมการเขียนบทที่ 1 ของงานวิจัยหลักสูตรและการสอน

แนวคิดในการออกแบบกิจกรรม

นักศึกษาจะได้ฝึกทักษะการเขียนบทที่ 1 ของงานวิจัย โดยมีเป้าหมายให้นักศึกษาใช้ความรู้จากทฤษฎี แนวคิด และข้อมูลจากแหล่งข้อมูลวิจัยที่สำคัญในการกำหนดปัญหาและแนวทางในการแก้ปัญหา ในรูปแบบที่ชัดเจนและถูกต้องตามมาตรฐานการเขียนงานวิจัย พร้อมทั้งฝึกการเขียนอ้างอิงในรูปแบบ APA 7th edition ซึ่งช่วยพัฒนาความสามารถในการค้นคว้าและเชื่อมโยงแนวคิดทฤษฎีและการปฏิบัติจริง

ขั้นตอนการดำเนินกิจกรรม

  1. การศึกษาทฤษฎีและแนวคิด

    • นักศึกษาจะต้องค้นคว้าและศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจัยที่ตนเองสนใจ โดยใช้แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น บทความวิจัย วารสาร และแหล่งข้อมูลออนไลน์ที่ได้รับการยอมรับ
    • จากการศึกษา นักศึกษาต้องนำทฤษฎี แนวคิด หรือข้อมูลวิจัยที่พบ มาวิเคราะห์และประยุกต์ใช้ในการเขียน "ที่มาและความสำคัญของปัญหา" ในบทที่ 1 ของงานวิจัย
  2. การกำหนดปัญหา

    • นักศึกษาต้องแสดงให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ จากมุมมองที่กว้างไปสู่มุมมองที่เฉพาะเจาะจง พร้อมทั้งระบุความสำคัญของปัญหาในลักษณะที่สมเหตุสมผล โดยอ้างอิงทฤษฎีหรือข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และการอ้างอิงในรูปแบบ APA 7 อย่างถูกต้อง
    • นำเสนอปัญหาที่นักศึกษาพบและต้องการศึกษา รวมถึงเขียนคำถามการวิจัยที่ชัดเจนเพื่อให้เป็นแนวทางในการแก้ปัญหา
  3. การเขียนวัตถุประสงค์ และสมมุติฐานของการวิจัย

    • นักศึกษาจะเขียนวัตถุประสงค์ของการวิจัยที่แสดงเป้าหมายหรือจุดประสงค์หลักของการศึกษาอย่างชัดเจน
    • ถ้าเป็นงานวิจัยเชิงเปรียบเทียบ หรือเชิงหาความสัมพันธ์ ต้องกำหนดสมมุติฐานของการวิจัย แต่ถ้าเป็นงานวิจัยเชิงสำรวจอาจไม่จำเป็นต้องใส่สมมุติฐาน
  4. การกำหนดกรอบแนวคิด

    • นักศึกษาต้องกำหนดกรอบแนวคิดที่ชัดเจนสำหรับการวิจัย โดยใช้ทฤษฎีหรือแนวคิดจากเอกสารที่ได้สืบค้นมา
  5. การกำหนดขอบเขตของการวิจัย และข้อตกลงเบื้องต้น

    • นักศึกษาจะเขียนขอบเขตของการวิจัย ซึ่งประกอบไปด้วยขอบเขตของประชากร ขอบเขตของเนื้อหาหรือตัวแปรที่ต้องการศึกษา
    • ถ้ามีข้อตกลงเบื้องต้น จะต้องระบุให้ชัดเจนถึงทฤษฎีหรือแนวคิดที่นำมาใช้
  6. นิยามศัพท์เฉพาะ

    • นักศึกษาจะระบุนิยามศัพท์เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย เพื่อทำให้ผู้อ่านเข้าใจคำศัพท์ที่ใช้ในบริบทของการศึกษา
  7. การเขียนประโยชน์ที่ได้รับจากการวิจัย

    • นักศึกษาจะแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการวิจัย แบ่งเป็น (ก) ประโยชน์ในเชิงวิชาการ และ (ข) ประโยชน์ในการนำไปใช้

การจัดส่งงาน

  • รูปแบบการส่งงาน: นักศึกษาต้องส่งงานเป็นเอกสาร paper ใน Google Classroom และนำเสนองานวิจัยเป็นไฟล์ PowerPoint (PPT) ในห้องเรียนตามที่กำหนด
  • รูปแบบการเขียนอ้างอิง: APA 7th edition

เกณฑ์การให้คะแนน (20 คะแนน)

  • การเขียนที่มาและความสำคัญของปัญหา (5 คะแนน): ประเมินจากความชัดเจน การใช้ทฤษฎี แนวคิดที่เหมาะสม และการอ้างอิงตามรูปแบบ APA
  • การเขียนคำถามการวิจัย และวัตถุประสงค์ของการวิจัย (4 คะแนน): ประเมินจากความชัดเจนในการตั้งคำถามการวิจัย และการกำหนดวัตถุประสงค์ที่สอดคล้องกับปัญหาที่ระบุ
  • สมมติฐาน และกรอบแนวคิดของการวิจัย (3 คะแนน): ประเมินจากการใช้สมมติฐานที่ถูกต้องตามประเภทของงานวิจัย และกรอบแนวคิดที่ชัดเจน
  • การเขียนขอบเขตของการวิจัย ข้อตกลงเบื้องต้น (ถ้ามี) (3 คะแนน): ประเมินจากการเขียนขอบเขตที่ครอบคลุมประชากรและเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
  • นิยามศัพท์เฉพาะ (2 คะแนน): ประเมินจากความชัดเจนและความถูกต้องในการระบุนิยามศัพท์ที่จำเป็นต่อการวิจัย
  • การระบุประโยชน์ที่ได้รับจากการวิจัย (3 คะแนน): ประเมินจากการระบุประโยชน์ในเชิงวิชาการและการนำไปใช้

Friday, September 20, 2024

กิจกรรมวิเคราะห์ปัญหา- วิจัย

 

กิจกรรม: “การค้นพบปัญหาเพื่อการวิจัย”

วัตถุประสงค์:

  1. ให้นักศึกษามีความเข้าใจในกระบวนการ การมองเห็นปัญหา ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกของการวิจัย
  2. ฝึกการทำงานเป็นทีมเพื่อ ระบุปัญหา ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเรียนการสอนหรือระบบโรงเรียน
  3. เรียนรู้วิธีการ วิเคราะห์ปัญหา เพื่อเตรียมเข้าสู่กระบวนการวิจัยอย่างเป็นระบบ

ขั้นตอนการดำเนินกิจกรรม:

  1. แบ่งกลุ่มนักศึกษา:

    • นักศึกษาแบ่งออกเป็นกลุ่มละ 3 คน
    • แต่ละกลุ่มจะรับผิดชอบในการค้นหาปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ การเรียนการสอน หรือ กระบวนการศึกษาในโรงเรียนซึ่งพวกเขาเคยพบเจอในประสบการณ์การเรียน หรือเป็นปัญหาที่อาจสังเกตได้จากการฝึกสอน (หากมีประสบการณ์)
  2. กิจกรรมค้นหาปัญหา:

    • ขั้นตอนที่ 1: ในแต่ละกลุ่มให้ ระดมสมอง โดยให้นักศึกษาแต่ละคนช่วยกันนำเสนอปัญหาที่พวกเขาเคยประสบในโรงเรียนหรือห้องเรียน เช่น

      • ปัญหาด้านวิธีการสอน (เช่น ครูอธิบายไม่ชัดเจน หรือวิธีการสอนไม่เหมาะกับผู้เรียน)
      • ปัญหาด้านวินัยในห้องเรียน (เช่น นักเรียนไม่มีแรงจูงใจในการเรียน)
      • ปัญหาด้านเทคโนโลยีในห้องเรียน (เช่น การใช้สื่อการสอนไม่ทันสมัย)
      • ปัญหาด้านการประเมินผล (เช่น การประเมินไม่ยุติธรรมหรือไม่สอดคล้องกับการเรียนรู้)
    • ขั้นตอนที่ 2: ให้กลุ่มช่วยกัน เลือกปัญหาหนึ่งปัญหาที่คิดว่าสำคัญที่สุด และมีโอกาสในการแก้ไขได้

  3. การวิเคราะห์ปัญหา:

    • ขั้นตอนที่ 3: หลังจากที่แต่ละกลุ่มเลือกปัญหาแล้ว ให้ช่วยกัน วิเคราะห์สาเหตุของปัญหา ว่าเกิดจากอะไรบ้าง เช่น

      • ปัญหาการเรียนรู้เกิดจากผู้เรียนหรือครู?
      • ปัญหานี้เป็นเพราะวิธีการสอนหรือสภาพแวดล้อมในห้องเรียน?
      • หากเป็นปัญหาทางเทคโนโลยีหรือการใช้สื่อ ควรมีการสนับสนุนอย่างไร?
    • ให้ตั้งคำถามเชิงวิเคราะห์ เช่น

      • ปัญหานี้กระทบต่อการเรียนรู้ของนักเรียนอย่างไร?
      • จะมีวิธีใดในการแก้ไขหรือปรับปรุงปัญหานี้?
  4. เตรียมแผนการนำเสนอ:

    • ขั้นตอนที่ 4: ให้แต่ละกลุ่มเตรียม นำเสนอ ในรูปแบบของแผนภาพหรือสไลด์ โดยประกอบไปด้วย:
      • ปัญหาที่ระบุ
      • สาเหตุของปัญหา
      • ผลกระทบของปัญหานั้นต่อการเรียนการสอน
      • วิธีการหรือแนวทางเบื้องต้นในการแก้ไขปัญหา
  5. การนำเสนอและอภิปราย:

    • ขั้นตอนที่ 5: ให้แต่ละกลุ่มนำเสนอผลการวิเคราะห์ปัญหาของตนเอง ใช้เวลา 5-7 นาทีต่อกลุ่ม หลังจากนั้นจะมีการ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ระหว่างกลุ่มอื่น ๆ ว่าปัญหาที่นำเสนอเป็นปัญหาที่พบในสถานการณ์จริงหรือไม่ และควรมีแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างไร
  6. สะท้อนผลการเรียนรู้ (Reflection):

    • ขั้นตอนที่ 6: หลังจากกิจกรรมเสร็จสิ้น ให้แต่ละกลุ่มทำการ สะท้อนผลการเรียนรู้ (Reflection) โดยให้นักศึกษาแต่ละคนเขียนรายงานสั้น ๆ เกี่ยวกับ:
      • ปัญหาที่พวกเขาเลือกมีความสำคัญอย่างไร?
      • พวกเขาได้เรียนรู้อะไรจากการระดมสมองและวิเคราะห์ปัญหา?
      • กระบวนการระบุปัญหานี้จะมีประโยชน์อย่างไรต่อการวิจัยในอนาคต?

เครื่องมือในการประเมินผล:

  • เกณฑ์การประเมินกลุ่ม: ความสามารถในการเลือกและระบุปัญหาที่มีความชัดเจน วิเคราะห์สาเหตุได้อย่างครอบคลุม มีการนำเสนอที่ชัดเจน และสามารถเชื่อมโยงปัญหากับการเรียนการสอนได้ดี
  • เกณฑ์การประเมินรายบุคคล: การมีส่วนร่วมในการวิเคราะห์และอภิปราย การสะท้อนผลการเรียนรู้ที่แสดงถึงความเข้าใจในกระบวนการวิจัยและการระบุปัญหา

Saturday, September 7, 2024

จิตวิทยาสำหรับครู

 

ชื่อกิจกรรม:

"การประยุกต์ใช้จิตวิทยาในห้องเรียนผ่านวิดีโอคลิป"

เป้าหมายของกิจกรรม:

  1. ให้ผู้เรียนได้ศึกษาแนวคิดทางจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน
  2. ให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะการทำงานเป็นทีม การคิดวิเคราะห์ และการสร้างสรรค์สื่อการสอน
  3. ให้ผู้เรียนได้ประยุกต์ความรู้ทางจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและการสอน
  4. เสริมสร้างความเข้าใจและความสามารถในการสื่อสารและนำเสนอความรู้ทางจิตวิทยาในรูปแบบที่สร้างสรรค์

รูปแบบกิจกรรม:

  • แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่มละ 3 คน
  • แต่ละกลุ่มจะต้องเลือกหัวข้อเกี่ยวกับจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา เช่น แนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาการเรียนรู้ การจูงใจในการเรียน ทฤษฎีการเรียนรู้ เป็นต้น
  • ให้แต่ละกลุ่มสร้างวิดีโอคลิปความยาวไม่เกิน 5 นาที เพื่อนำเสนอความรู้ในเรื่องที่เลือก
  • ในคลิปจะต้องกล่าวถึงชื่อแนวคิดหรือทฤษฎี เจ้าของทฤษฎี และการประยุกต์ใช้ในห้องเรียน

ขั้นตอนการทำกิจกรรม:

  1. แบ่งกลุ่ม – จัดกลุ่มนักเรียนเป็นกลุ่มละ 3 คน
  2. เลือกหัวข้อ – แต่ละกลุ่มเลือกแนวคิดหรือทฤษฎีจิตวิทยาที่สนใจและต้องการศึกษา
  3. ศึกษาหาข้อมูล – แต่ละกลุ่มศึกษาทฤษฎีที่เลือกและหาวิธีการประยุกต์ใช้ในห้องเรียน
  4. วางแผนการสร้างวิดีโอ – แต่ละกลุ่มวางแผนและออกแบบวิดีโอเพื่อสื่อสารแนวคิดทางจิตวิทยา
  5. สร้างวิดีโอ – ใช้เครื่องมือที่มีสร้างวิดีโอคลิปไม่เกิน 5 นาที โดยเน้นการนำเสนอความรู้ทางจิตวิทยาอย่างสร้างสรรค์และมีเหตุผลสนับสนุน
  6. นำเสนอ – แสดงวิดีโอคลิปที่สร้างเสร็จในชั้นเรียน

การประเมินวิดีโอ:

เกณฑ์การประเมิน (เต็ม 20 คะแนน)

  1. ความถูกต้องของข้อมูลทางจิตวิทยา (8 คะแนน)

    • วิดีโอต้องแสดงความรู้ที่ถูกต้องและครบถ้วนเกี่ยวกับแนวคิดหรือทฤษฎีที่เลือก
    • ระบุเจ้าของทฤษฎีหรือแนวคิดและอธิบายการนำไปใช้ในห้องเรียนได้อย่างชัดเจน
  2. การประยุกต์ใช้ในสถานการณ์การเรียนการสอน (6 คะแนน)

    • การนำเสนอวิธีการประยุกต์ใช้ทฤษฎีในห้องเรียนต้องมีความชัดเจน มีตัวอย่างที่เข้าใจง่ายและเหมาะสม
  3. ความคิดสร้างสรรค์และการนำเสนอ (4 คะแนน)

    • วิดีโอต้องมีความคิดสร้างสรรค์ มีการนำเสนอที่น่าสนใจ ใช้เทคนิคการทำวิดีโออย่างมีประสิทธิภาพ
  4. การทำงานเป็นทีมและการแบ่งหน้าที่ (2 คะแนน)

    • ประเมินความร่วมมือระหว่างสมาชิกในกลุ่ม การแบ่งงานกันทำ และการมีส่วนร่วมของแต่ละคนในกลุ่ม

เอกสารประกอบการอภิปราย สะท้อนคิด และวิเคราะห์:

  1. วัตถุประสงค์
    เอกสารประกอบนี้จะช่วยให้ผู้เรียนสะท้อนการทำงานเป็นทีม การเรียนรู้ทฤษฎีจิตวิทยา และวิธีการประยุกต์ใช้ความรู้นี้ในการสอน

  2. หัวข้อที่ต้องวิเคราะห์และอภิปราย:

    1. แนวคิดหรือทฤษฎีที่เลือก

      • อธิบายแนวคิดหรือทฤษฎีที่กลุ่มของคุณเลือก ทำไมจึงเลือกทฤษฎีนี้? ทฤษฎีนี้สามารถใช้พัฒนาการเรียนการสอนได้อย่างไร?
    2. การทำงานเป็นทีม

      • สมาชิกในทีมของคุณทำงานร่วมกันอย่างไร? การแบ่งงานและการสื่อสารในทีมเป็นอย่างไร? มีปัญหาอะไรบ้างและแก้ไขอย่างไร?
    3. การประยุกต์ใช้ทฤษฎีในห้องเรียน

      • ทฤษฎีนี้สามารถนำมาใช้ในห้องเรียนได้จริงหรือไม่? มีข้อดีและข้อจำกัดอะไรบ้างในการประยุกต์ใช้? คิดว่ามีอะไรที่จะพัฒนาได้อีก?
    4. สะท้อนคิดเกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้

      • ในการทำกิจกรรมนี้ได้เรียนรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับทั้งจิตวิทยาและการทำงานร่วมกันเป็นทีม?