วัตถุประสงค์:
- เพื่อให้นักศึกษาเข้าใจปัญหาและอุปสรรคในการสื่อสารของครู
- เพื่อให้นักศึกษาพัฒนาทักษะในการวิเคราะห์และสื่อสารข้อมูล
- เพื่อให้นักศึกษามีความรู้เกี่ยวกับปัญหาทางการสื่อสารในชีวิตประจำวัน
ขั้นตอนการดำเนินกิจกรรม:
ให้นักศึกษาแบ่งตัวเองออกเป็นกลุ่ม 2-3 คน
ให้นักศึกษาเลือกปัญหาหรืออุปสรรคในการสื่อสารของครูจากรายการข้อความดังนี้:
- ข่าวสารหรือเหตุการณ์จากสื่อมวลชน (ไม่รวมข้อความในการสอนในบทเรียน)
- วีดีโอคลิปจากอินเทอร์เน็ต (ไม่รวมวีดีโอการสอนในบทเรียน)
- หนังหรือภาพยนตร์สั้นที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการสื่อสาร
นักศึกษาควรเลือกปัญหาหรืออุปสรรคที่ไม่ซ้ำกันกับกลุ่มอื่น ๆ
นักศึกษาควรรวบรวมข้อมูลและข้อความเกี่ยวกับปัญหาหรืออุปสรรคที่เลือก โดยรวมแหล่งที่มาด้วย
ให้นักศึกษาจัดทำนำเสนอ PPT ที่สะท้อนปัญหาและอุปสรรคในการสื่อสารของครู โดยคำนึงถึงเกณฑ์ต่อไปนี้:
- เนื้อหาถูกต้องและเหมาะสม
- รูปแบบ PPT สวยงามและเนื้อหาตรงตามเนิ้อหา
- การนำเสนอและการพูดต่อไปนั้นถูกต้องและชัดเจน
- การใช้เวลาตามกำหนด
- ความสร้างสรรค์ในการนำเสนอ
ทุกกลุ่มควรนำข้อมูลและข้อความที่เลือกมาสรุปในรูปแบบ PPT
ในการนำเสนอในห้องเรียน แต่ละกลุ่มควรใช้เวลา 7-10 นาทีในการนำเสนอปัญหาและอุปสรรคของการสื่อสาร ได้กำหนดคะแนนให้กับการนำเสนอของแต่ละกลุ่มโดยคำนึงถึงเกณฑ์ต่าง ๆ ที่วางไว้ข้างต้นโดยให้คะแนน 20 คะแนน
หัวข้อที่น่าสนใจสำหรับ PPT:
- แนวคิดหรือเรื่องราวเกี่ยวกับปัญหาและอุปสรรค
- แสดงตัวอย่างจริงเช่นข่าว, วีดีโอ, หรือสื่ออื่น ๆ
- การวิเคราะห์ปัญหาและอุปสรรค
- แสดงผลกระทบของปัญหาและอุปสรรคในการสื่อสาร
- วิธีแนะนำในการแก้ปัญหาหรือเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสาร
- หัวข้อเพิ่มที่จะนำไปทำกิจกรรม ให้นักศึกษาเลือกมากลุ่ม ละ 1 หัวข้อ
หัวข้อปัญหาและอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับแต่ละหัวข้อ:
1. อุปสรรคด้านกลไก (Mechanical Noise): ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการสื่อสารผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่นการมีเสียงคลื่นรบกวนหรือสัญญาณที่ไม่ชัดเจนในการสื่อสาร
2. อุปสรรคด้านทางภาษา (Semantic Noise): ปัญหาที่เกิดจากการใช้ภาษาสื่อสารที่ซับซ้อนหรือไม่ชัดเจนมากเกินไป เช่นการใช้คำศัพท์ที่ซับซ้อนหรือไม่ค่อยเข้าใจกัน
3. ภูมิหลังที่แตกต่างของผู้สื่อสาร (Divergent backgrounds of the participants): ปัญหาที่เกิดจากความแตกต่างในภูมิหลังหรือวัฒนธรรมของผู้สื่อสารที่อาจทำให้เข้าใจกันยาก
4. ความแตกต่างกันทางด้านการศึกษา (Differences in education): ปัญหาที่เกิดจากความแตกต่างในระดับการศึกษาหรือความรู้ที่อาจทำให้สื่อสารกันได้ยากขึ้น
5. ความสนใจในข่าวสารที่แตกต่างกัน (Differences in interest in message): ปัญหาที่เกิดจากความแตกต่างในความสนใจและความรอบรู้ในข่าวสารหรือข้อมูลที่ต่างกัน
6. ความแตกต่างของระดับสมอง (Differences in IQ): ปัญหาที่เกิดจากความแตกต่างในระดับสมองหรือความสามารถในการรับรู้ของบุคคลที่สื่อสารกัน
7. ความแตกต่างของระดับภาษาและการใช้ภาษา (Differences in language): ปัญหาที่เกิดจากการใช้ภาษาที่แตกต่างกันหรือไม่ชัดเจนในการสื่อสาร
8. การขาดความเชื่อถือร่วมกันของผู้สื่อสาร (Lack of mutual trust or confidence): ปัญหาที่เกิดจากขาดความเชื่อถือหรือความมั่นใจในกันและกันระหว่างผู้สื่อสาร
9. ความแตกต่างในวัยเพศเผ่าพันธุ์ชนชั้น (Differences in age, sex, race and class): ปัญหาที่เกิดจากความแตกต่างในวัย, เพศ, เผ่าพันธุ์, หรือชนชั้นของผู้สื่อสาร
10. ความเครียดทางด้านร่างกายและจิตใจในขณะที่สื่อสาร (Mental and physical stress at time of communication): ปัญหาที่เกิดจากความเครียดทางด้านร่างกายหรือจิตใจขณะที่สื่อสารกัน
11. สภาพแวดล้อมในช่วงเวลาที่สื่อสาร (Environmental conditions at time of communication): ปัญหาที่เกิดจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการสื่อสาร เช่นมีเสียงรบกวน
12. การขาดประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกัน (Lack of similar experiences): ปัญหาที่เกิดจากขาดโอกาสในการมีประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกันซึ่งอาจทำให้สื่อสารกันยากขึ้น
13. การขาดโอกาสที่จะตอบโต้ซักถาม (Lack of opportunity for questioning): ปัญหาที่เกิดจากขาดโอกาสในการถามและตอบกันเพื่อความชัดเจน
14. ผู้ส่งสารขาดทักษะในการสื่อสาร (Sender lacks communication skills): ปัญหาที่เกิดจากความไม่คล่องแคล่วในการสื่อสารของผู้ส่งสาร
15. รับสารขาดทักษะในการรับสาร (Receiver lacks communication skills): ปัญหาที่เกิดจากความไม่คล่องแคล่วในการรับสารของผู้รับสาร
16. สารที่ปราศจากสาระ (Lack of substance in the message): ปัญหาที่เกิดจากสารหรือข้อมูลที่ส่งไปไม่มีความสำคัญหรือเนื้อหาที่ไม่มีค่าในการสื่อสาร
หวังว่ารายการนี้จะช่วยให้นักศึกษามีข้อมูลเพิ่มเติมในการวางแผนและสร้างกิจกรรมการเรียนการสอน
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.