Tuesday, December 22, 2009

เรียงความวันพ่อ ที่ได้รับรางวัล













รางวัลชมเชย
พ่อหลวง ของปวงชน
“ ในหลวง ” เป็นชื่อที่ชาวไทยเรียกติดปาก และเป็นขวัญใจของชาวไทยมาโดยตลอด เพราะท่านทำให้เราได้ทุกอย่างไม่ว่าท่านจะเหน็ดเหนื่อยจะอ่อนจะเพลีย แต่ท่านก็ไม่เคยที่จะหยุดทำเพื่อประชาชนแม้แต่ตั้งเดียว และท่านทรงมีพระราชกรณียกิจต่างๆมากมาย อาทิเช่น พระราชกรณียกิจด้านศาสนา ด้านความมั่นคงภายในประเทศ ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและอีกมากมาย ท่านทรงตั้งพระทัย ทำพระราชกรณียกิจอย่างดี เพื่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศ พ่อหลวงของแผ่นดิน ท่านทรงประสูติเมื่อ วันที่ ๕ ธันวาคม ชาวไทยจึงถือว่าวันที่ ๕ ธันวาคมของทุกปีเป็นวันพ่อแห่งชาติ ท่านทรงสนพระทัยในเรื่องดนตรีสากลมาก ท่านทรงชอบเป่าแซ็กโซโฟน ท่านมีพระราชกรณียกิจด้านการศึกษา ท่านทรงตระหนักดีว่า การพัฒนาการศึกษาของเยาชนนั้น เป็นพื้นฐานอันสำคัญของประเทศชาติ จึงทรงประกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทรัพย์จัดตั้งมูลนิธิอานันท-มหิดลให้เป็นทุนสำหรับการศึกษาในแขนงวิชาต่างๆ เพื่อให้นักศึกษาในประเทศต่างๆ โดยไม่มีเงื่อนไขผูกมัดแต่ประการใด เพื่อจะได้นำความรู้กลับมาพัฒนาประเทศชาติต่อไป นอกเหนือจากนี้แล้ว ทรงมีพระราชดำริให้ดำเนินการจัดทำสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนขึ้น ยังมีพระราชกรณียกิจด้านการแพทย์และสาธารณสุข พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีความห่วงใยประชาชนชาวไทยในทุกด้านโดยพาะในด้านสุขภาพอนามัยซึ่งพระองค์ถือว่าเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไข ดังพระราชดำรัสว่า “ ถ้าคนเราสุขภาพเสื่อมโทรม ก็จะไม่สามารถพัฒนาชาติได้ เพราะทรัพยากรที่สำคัญของประเทศไทยก็คือพลเมืองนั่นเอง ” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นห่วงและเอื้ออาทรต่อทุกสุขของพสกนิกรอย่างจิงจัง และยังมีพระราชกรณียกิจด้านศาสนา พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินเป็นประธานในการเปิดพิธีเนื่องในวโรกาสต่างๆ อาทิเช่น พระราชพิธีบำเพ็ญการกุศล ทรงสนันสนุนให้มีการสร้างศาสนสถาน เนื่องจากทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี ในหลวงท่านทรงทำเพื่อเราตั้งมากมายโดยไม่หวังผลตอบแทน ท่านเพียงอยากเห็นทุกคนเป็นคนดีท่านก็สุขใจ ดังนั้นเราควรทำดีเพื่อตอบแทนท่านให้มากที่สุด ทำตามหลักคำสอนของท่าน รู้จักการพอเพียง การอดออม ปฏิบัติตนให้อยู่ในระเบียบวินัย ไม่นำความเดือดร้อนมาสู่ประเทศชาติให้ท่านสบายใจให้ท่านหายเหนื่อยจากการทำงาน หายเมื่อยจากการเยี่ยมประชาชนหายเพลียจากการอดนอนเพาระทรงทำงานเพราะท่านคือ พระมหากษัตริย์ในดวงใจและเป็นพ่อหลวงของปวงชน

เด็กหญิงณัฏฐธิดา ไทรงามเอี่ยม ป.๖/๓


รางวัลชมเชย

พ่อหลวง ของปวงชน วันพ่อแห่งชาติ เป็นวันที่ปวงชนชาวไทยรู้จักกันดี วันพ่อแห่งชาติตางกับวันที่ ๕ ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของ “ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ” หรือรัชกาลที่ ๙ ซึ่งท่านเป็นพระมหากษัตริย์ที่ปวงชนชาวไทยและคนทั่วโลกรู้จักเป็นอย่างดี ในนาม “ พระมหากษัตริย์ในดวงใจ ” เพราะท่านเป็นพระมหากษัตริย์ที่ไม่ถือพระองค์และพัฒนาประเทศชาติอย่างเต็มที่ ไม่เห็นแก่ความสุขของพระองค์เอง “ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ” หรือที่คนทั่งโลกเรียกว่า “ พระมหากษัตริย์ในดวงใจ ” ท่านเป็นผู้ที่ทุกคนเคารพและเทิดทูนด้วยใจ พระราชกรณียกิจที่น่าสนใจของท่านมีอยู่มากมาย เช่น พระราชกรณียกิจด้านการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ ด้านวิทยุกระจายเสียง ด้านดาวเทียวไทยคม ฯลฯ พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่เป็นเลิศในทุกๆด้านไม่ว่าจะเป็น ด้านดนตรี ด้านกีฬา และด้านพระปรีชาสามารถ ท่านก็ทรงเป็นเลิศและท่านก็ให้อิสระแก่ชาวไทยทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการนับถือศาสนา การเลือกนายกรัฐมนตรี พระองค์ก็ให้อิสระไม่ถือตนเป็นใหญ่และทรงทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา และศาสนาอื่นๆ ท่านทรงเป็นกษัตริย์ที่เรียกได้ว่า “ กษัตริย์นักพัฒนา ” เพราะท่านพัฒนาทั้งทางด้านประเทศชาติและด้านจิตใจ ทำให้ชาวไทยไม่ห่างไกลศาสนาและมีจิตใจที่พัฒนาขึ้นอยู่เสมอ “ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ” ทรงเป็นเหมือนฝนที่เย็นฉ่ำคอยเติมความชุ่มชื่นให้กับหัวใจ0ของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ และทรงเป็นเหมือนผ้าห่มที่คอยให้ความอบอุ่นกับผู้คนที่หนาวเหน็บ พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่สามารถทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศชาติสงบสุขได้ “ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ” ทรงปฏิบัติการฝนเทียมหรือฝนหลวง ในการปฏิบัติระยะแรกๆได้ประสบปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่ไม่ทราบล่วงหน้า คือ ฝนไม่ตกตามเป้าหมายบ้าง ตกน้อยบ้าง ท่านจึงทราบถึงปัญหาสำคัญ คือการติดต่อที่ดี จึงโปรดเกล้าฯ ให้ติดตั้งวิทยุทั้งทางอากาศและภาคพื้นดิน “ พระมหากษัตริย์ในดวงใจ ” จึงเป็นคำเดียวที่สามารถบอกถึงพระปรีชาสามารถและความตั้งใจอันเปี่ยมล้นของ “ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช มหาราช ” ที่ท่านมีความตั้งใจและมโนปณิธานอันแรงกล้าที่พัฒนาชาติไทยให้รุ่งเรืองตลอดไปดังนั้นในวันที่ ๕ ธันวาคมของทุกปี จึงขอเชิญชวนชาวไทยทุกคนร่วมกันทำความดีเพื่อให้ “ พระมหากษัตริย์ในดวงใจ ” ของเราหายจากพระอาการประชวรและร่วยมกันอธิษฐานขอพรเพื่อขอให้ประเทศไทยเจริญรุ่งเรือง มีความสุข และสามัคคีกัน ขอให้ “ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช มหาราช ” มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน
เด็กหญิงเนตรชนก ศรีทอง ชั้น ป. ๖/๓

รางวัลชนะเลิศที่ 1 -3

ด.ช. กิตติภณ โสรัตนชัย ชั้น ป.6/4 เลขที่ 29


เรารักนายหลวง

วันที่ 5 ธันวาของทุกๆ ปี ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี หรือจะนับไปอีกกี่ปี ก็ไม่มีใครสักคนที่จะลืมเลือนไปได้ว่า วันนี้เป็นวันอะไร ทุกคนจะมีคำตอบในใจอยู่แล้วว่าเป็น “วันพ่อ” ของพวกเราชาวไทยทุกคน แต่ส่วนตัวของผมนั้น วันนี้นอกจากจะเป็นวันพ่อแล้ว เป็นวันที่ผมรู้สึกภูมิใจมากที่สุด เพราะว่า วันนี้เป็น “วันเกิดของผม” แม่เล่าให้ฟังว่า เป็นวันที่แม่พยายามไม่อยากให้ผมเกิดในวันนี้เลยเพราะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม แต่เมื่อเลี่ยงไม่ได้ ก็แสดงว่าเราโชคดีที่สุดแล้ว ขอให้เราภูมิใจมากที่สุด และทำตนเป็นคนดี สิ่งนี้แหละ ผมจึงคิดว่าเป็นวันที่สำคัญมากสำหรับผม ผมจะนำพระบรมราโชวาทของนายหลวงมาดำเนินชีวิตให้ดีต่อไป ท่านทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่เป็นมากกว่าพระเจ้าแผ่นดินคับ เราคนไทยโชคดีมากกว่าประเทศใดในโลกที่มีพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทรงทรงงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนโดยมิได้รับสิ่งใดตอบแทนเลย คนไทยทุกคน ขอให้พระเจ้าอยู่หัวมีพระชนมายุยิ่งยืนนานอยู่กับชาวไทยไปนาน ๆ ซึ่งผมจะปฏิบัติตนเป็นคนดี และจะทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุดที่ผมจะทำได้
สิ่งที่ผมรู้จักที่มาจากทรงงานของท่านก็คือ กำเนิดฝนหลวง เมื่อทรงสัมผัสความทุกข์ซับซ้อนของประชาชนอันเนื่องมาจากเรื่องของ "น้ำ" อันเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการดำรงชีวิตพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้บัดนั้นมีพระชนมพรรษาเพียง28 พรรษา และเพิ่งเสด็จพระราชดำเนินอีสานครั้งแรกในพระชนมชีพ ก็ทรงเฝ้าครุ่นคิดถึงแต่วิธีที่จะแก้ไขปัญหาให้ชาวอีสานปัญหาที่ขัดแย้งกันเอง เมื่อมีน้ำ น้ำก็มากไป ท่วมป่าจากภูเขาไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งไว้ได้แต่เมื่อน้ำหมดก็แห้งแล้งอย่างที่สุดเพราะไม่มีฝนตกลงมาทรงบันทึกไว้ว่า "ต้องสร้างเขื่อนเล็กๆ (Check dams) จำนวนมาก ตามลำธารที่ไหลลงมาจากภูเขาต่างๆ จะช่วยให้กระแสน้ำค่อยไหลอย่างสม่ำเสมอ ถ้าเป็นไปได้ควรสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำเล็กๆสิ่งนี้จะแก้ไขปัญหาแห้งแล้งได้ ในฤดูฝนน้ำจะถูกเก็บไว้ในอ่างเก็บน้ำและจัดสรรน้ำให้ในฤดูแล้ง"ส่วนปัญหาเรื่องฝนแล้งนั้น" ข้าพเจ้าได้แหงนดูห้องพัก และพบว่ามีเมฆจำนวนมาก แต่เมฆเหล่านั้นพัดผ่านพื้นที่แห้งแล้งไป วิธีแก้ไขอยู่ที่ว่าจะทำอย่างไรที่จะให้เมฆเหล่านั้นตกลงมาในท้องถิ่นนั้นความคิดนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการทำฝนเทียม
ฝนหยาดแรก อีก 17 ปีต่อมา "ฝนเทียม" ตามพระราชดำริในวันเสด็จฯ เยี่ยมอีสานก็กลายเป็น"ฝนหลวง"ที่หยาดลงมาสร้างความชุ่มฉ่ำทั้งแผ่นดินครั้งแรก ในวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2515วันนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงวางแผนสาธิตการทำฝนด้วยพระองค์เอง จนเกิด "ฝนหลวง" ตกลงมาเป็นผลสำเร็จ ทำฝนเทียมทั่วประเทศด้วยพระองค์เองทรงต่อสู้ทุกวิถีทางเพื่อให้ราษฏรได้มี "น้ำ"เพราะ "การมีน้ำ " นั้นหมายความถึง"การมีชีวิต"
นายหลวงของเราทำอะไรอีกมากมายให้กับประชาชน นี่ยังเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้นแต่ที่ผมหยิบเรื่องนี้มาเล่า เพราะเชื่อว่าทุกชีวิตต้องการน้ำ ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น คน หรือ พืช หรือ สัตว์ ดังนั้นให้ถามตนเองว่าทำอะไรเพื่อนายหลวงบ้างหรือยัง หากยังให้รีบทำซะเพราะเวลาของเรามีน้อยมาก และให้ฐานะตัวแทนของคนไทย ขอให้พระองค์มีพระชนมพรรษายิ่งยืนยานและเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดชั่วกาลนาน ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยโปรดดลบันดาลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงพระเกษมสำราญปราศจากโรคภัย มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน





วันพ่อแห่งชาติ

วันพ่อแห่งชาติ
เด็กชายภาคย์ ลิขิตกุลธนพร ชั้นป.6/4
วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันพ่อแห่งชาติ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ต่างก็ร่วมใจถวายพระพร
และร่วมพิธีจุดเทียนชัยถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พ่อหลวงของชาวไทย และในปีนี้ก็เช่นกัน มีการจัดพิธีถวายพระพรทั่วประเทศและยิ่งใหญ่กว่าทุกปีตรงที่มีการจัดการแสดงนิทรรศการ แสดงแสง สี ไฟอันตระการตาที่ถนนราชดำเนินและการฉายหนังสี่มิติที่เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระองค์ โดยเอาพระที่นั่งอนันตสมาคมเป็น
ฉากในการฉายภาพ

เมื่อวันพ่อแห่งชาติที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเข้าชมงานนิทรรศการ แสง สี ไฟ และหนังสี่มิติ ที
ประทับใจมาก ซึ่งเนื้อเรื่องได้กล่าวถึงความเป็นอยู่จริงในพระราชวังของพระเจ้าอยู่หัว ที่ไม่เหมือนในนวนิยายที่ยิ่งใหญ่และอลังการ แต่กลับเป็นวังที่มีท้องนาปลูกข้าว การเกษตร ฟาร์มโคนมผลิตน้ำนม หรือแม้แต่ห้องทดลองเพื่อการประดิษฐ์สิ่งต่างๆเพื่อนำมาแก้ไขปัญหา และช่วยเหลือประชาชนลูกๆของท่าน ทำให้ส่วนที่เป็นที่พักผ่อนหรือบ้านที่อยู่อาศัยของท่านมีเพียงนิดเดียว เมื่อเทียบกับบริเวณรั้วในวังแห่งนั้น หลังจากชมแล้วทำให้ผมได้ทราบว่า ในหลวงท่านไม่ได้อยู่เฉยๆแต่ท่านทำงานทั้งวันแม้กระทั่งยามที่ควรจะได้พักผ่อน หรือยามที่พวกเราพักผ่อนนอนหลับอยู่ที่บ้าน ท่านกลับนั่งทำงานและ ใช้สมองอันปราดเปรื่องของท่านช่วยขจัดปัญหาที่ประชาชนได้ประสบทั่วทั้งเหนือ ใต้ ออก ตก โดยไม่แบ่งภาค แบ่งสี แม้ในขณะที่ท่านออกเยี่ยมราษฎร มือข้างหนึ่งจะถือแผนที่ เพื่อเตรียมพร้อมในการแก้ไขปัญหาทางธรรมชาติได้อย่างทันท่วงทีและมีกล้องคล้องคออยู่เสมอ จนเป็นภาพที่ชินตาพสกนิกร พระราชกรณียกิจของท่านมีมากมาย ล้วนนำความเจริญและสร้างอาชีพแก่ชาวไทยอย่างยั่งยืนทั้งสิ้น เช่น โครงการแก้มลิง โครงการแก้ดิน กังหันชัยพัฒนา โครงการฝนหลวง เป็นต้น ซึ่งผมจะกล่าวถึงโครงการฝนหลวงอย่างย่อๆดังนี้

การทำฝนเทียมหรือฝนหลวงเป็นกรรมวิธีการเหนี่ยวนำน้ำจากฟ้าซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงกำหนดขั้นตอนการทำฝนหลวงขึ้นให้เข้าใจง่ายเป็นลำดับดังนี้
ขั้นตอนที่หนึ่ง : "ก่อกวน"
เป็นขั้นตอนที่เมฆธรรมชาติเริ่มก่อตัว ขั้นตอนนี้มุ่งใช้สารเคมีกระตุ้นให้มวลอากาศลอยตัวขึ้นสู่เบื้องบน เพื่อให้เกิดกระบวนการชักนำไอน้ำหรือความชื้นเข้าสู่ระบบการเกิดเมฆ ระยะเวลาที่จะปฏิบัติการในขั้นตอนนี้ไม่ควรเกิน 10.00 น. ของแต่ละวัน
ขั้นตอนที่สอง : "เลี้ยงให้อ้วน"
เป็นขั้นตอนที่เมฆกำลังก่อตัวเจริญเติบโตซึ่งเป็นระยะสำคัญมากในการใช้เทคโนโลยีและประสบการณ์การทำฝนควบคู่ไปพร้อมกันเพื่อตัดสินใจโปรยสารเคมีชนิดใด ณ ที่ใดของกลุ่มก้อนเมฆ และในอัตราใดจึงเหมาะสม มิฉะนั้นจะทำให้เมฆสลาย
ขั้นตอนที่สาม : "โจมตี"
เป็นขั้นตอนสุดท้ายของกรรมวิธีปฏิบัติการฝนหลวงเมฆ หรือ กลุ่มเมฆฝนมีความหนาแน่นมากพอที่จะสามารถตกเป็นฝนได้ สำหรับการปฏิบัติการในขั้นตอนนี้ จะต้องพิจารณาจุดมุ่งหมายของการทำฝนหลวง ซึ่งมีอยู่ 2 ประเด็นคือเพื่อเพิ่มปริมาณฝนตก และเพื่อให้เกิดการกระจายการตกของฝน
ผมรู้สึกว่าตัวเองมีบุญมากและภาคภูมิใจมาก ที่ได้เกิดเป็นคนไทยภายใต้ร่มบารมีขององค์พระเจ้าอยู่หัว ที่ท่านทรงปรีชาสามารถและเป็นที่พึ่งของคนไทย ทั้งยังเป็นห่วงราษฎรของพระองค์เปรียบเสมือนพ่อเหนือหัวของเรา และเมื่อผมได้ชมพระราชกรณียกิจของท่านทำให้ผมได้คิดว่าต่อไปผมจะพยายามตั้งใจเรียนและไม่เป็นภาระของสังคมเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ และจะทำประโยชน์ให้สังคมให้มากที่สุด เป็นการสนองตอบท่านให้สมกับที่ท่านทรงรักและเหน็ดเหนื่อยกับพวกเราอย่างมากมาย
**********************

No comments:

Post a Comment